วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สูตรขนมผิง

ส่วนผสม
  1. แป้งมัน 6 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
  3. หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง
  4. ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
  5. เทียนอบ

วิธีทำ

1. นำกะทิไปตั้งบนไฟอ่อน ใส่น้ำตาลลงไป คนจนน้ำตาลละลายดี
2. จากนั้นจึงใส่แป้งลงไปในกะทิ ใส่ทีละน้อย ใส่แล้วคนต่อเนื่องจนแป้งนุ่ม จึงนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ หรือปั้นเป็นรูปทรงตามใจชอบ แล้วจึงนำไปวางบนถาดซึ่งทาน้ำมันไว้บางๆ ปั้นทิ้งไว้ 1 คืนจนแห้ง (อย่าวางชิดกันมาก เนื่องจากเวลานำไปอบขนมอาจขยายและติดกันได้)
3. วันรุ่งขึ้นนำแป้งที่ปั้นไว้ไปอบในเตาประมาณ 15 นาที หรืออบจนส่วนล่างเป็นสีน้ำตาลอ่อน จึงเอาออกมาแซะออก และนำไปอบควันเทียน
4. จัดขนมใส่จานเสริฟ หรือใส่โหล, ภาชนะมิดชิดเก็บไว้ทานภายหลัง

สูตรกล้วยเชื่อม

ส่วนผสม
  1. กล้วยไข่ห่าม 8-10 ผล (ปอกเปลือกและบั้งตามขวาง)
  2. น้ำเปล่า 500 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 400 กรัม
  4. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำกะทิ 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำกะทิราดหน้า)
  6. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา (สำหรับทำน้ำกะทิราดหน้า)

วิธีทำ

1. นำกระทะทองเหลืองไปตั้งบนไฟอ่อน จากนั้นผสมน้ำตาลทราย, น้ำเปล่า และน้ำมะนาวลงไป คนจนส่วนผสม ทุกอย่างเข้ากันดี
2. นำกล้วยที่ปอกแล้วลงไปเชื่อมในกระทะ เชื่อมจนสุกทั่ว โดยสังเกตุว่าผิวกล้วยจะใส ฉ่ำและเป็นเงา จากนั้นตักใส่จานเสริฟเตรียมไว้
3. ทำน้ำราดหน้าโดยผสมน้ำกะทิกับเกลือป่นเข้าด้วยกัน นำไปตั้งบนไฟอ่อนๆสักพัก ระวังอย่าให้กะทิแตกมัน
4. เวลาเสริฟ ราดน้ำกะทิบนกล้วยที่เชื่อมแล้ว สามารถเสริฟได้ทั้งขณะร้อน หรือเย็น

สูตรขนมดอกลำดวน

ส่วนผสม
  1. แป้งสาลีร่อนแล้วตวง 1 ถ้วย
  2. น้ำตาลป่นหรือน้ำตาลไอซิ่ง 1/ 2 ถ้วย
  3. น้ำมันหมูเจียวใหม่ ๆ 1/ 4 ถ้วย (ใช้น้ำมันพืชแทนได้)

วิธีทำ

1. ผสมแป้งสาลี น้ำตาล เข้าด้วยกัน ค่อย ๆ ใส่น้ำมันลงไปทีละน้อย ๆ ผสมให้เข้ากันดี จากนั้นปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3/ 4 นิ้ว แล้วผ่าเป็น 4 ส่วน ทำจนหมด

2. นำแป้ง 3 ชิ้นวางให้ปลายชนกัน วางใสถาดอบที่ไม่ทาไขมัน ที่เหลืออีก 1 ชิ้น ให้ปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ วางตรงกลางดอกเป็นเกสร ใช้ปลายมีดทำเป็นแฉกเล็ก ๆ

3. นำเข้าอบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ จนสุกเป็นสีขาวนวล นำออกจากเตาอบ ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วแซะออกจากถาดวางบนตะแกรง ปล่อยให้เย็นสนิท แล้วนำไปอบด้วยควันเทียนให้หอม เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท

เทคนิคในการทำขนมดอกลำดวนหรือขนมกลีบลำดวนนั้น เริ่มกันตั้งแต่การผสมแป้งเลย ถ้าอยากจะให้ขนมมีความหอมอร่อย ควรจะใช้น้ำมันหมูเจียวใหม่ ๆ มากกว่าใช้น้ำมันพืช และเวลาผสมแป้งสาลี น้ำตาล และน้ำมันนั้น ควรผสมพอแต่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน ไม่ต้องนวด เพราะถ้านวดแป้งแล้วขนมจะแข็ง ไม่กรอบร่วน เมื่อผสมแป้งเสร็จแล้ว เวลาปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ก็ต้องปั้นให้แน่น ถ้าปั้นไม่แน่นเวลาผ่าแล้วจะไม่สวย นอกจากนี้เมื่ออบขนมเสร็จแล้ว จะแซะขนมออกจากถาด ควรจะทำเมื่อขนมเย็นแล้ว เพราะถ้าแซะขนมในขณะที่ขนมยังร้อน ๆ อยู่ กลีบขนมจะแตกออกจากกัน ขนมดอกลำดวนที่ได้ ควรจะมีสีออกขาวนวล ๆ ไม่ใช่สีเหลือง หรือสีน้ำตาล

ขอบคุณที่มา : Horapa.com

สูตรขนมหม้อแกงเผือก

ส่วนผสม
  1. น้ำตาลปึก 1 ถ้วยตวง
  2. กะทิ 1 ถ้วยตวงไข่ 1 ถ้วยตวง
  3. เผือกนึ่งยีละเอียด 1 ถ้วยตวง
  4. น้ำมัน 1/4 ถ้วยตวง
  5. หัวหอมซอย 1/3 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. นำน้ำตาล มาผสมลงในน้ำกะทิ คนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง

2. ตีไข่ ใส่ลงในเผือก คนให้เข้ากัน แล้วนำกะทิที่ผสมไว้เทลง แล้วคนเข้าให้เขากันอีกรอบ

3. ตั้งกระทะ เจียวหอมให้พอเหลือง

4. ตักขนมที่ผสมไว้ใส่ถาด เพื่อนำเข้าเตาอบ ที่อุณหภูมิ 350 F จนสังเกตุผิวของขนมเป็นสีเหลืองทอง ซึ่งปรกติจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

5. นำออกจากเตา โรยหน้าด้วยหอมเจียวก็เป็นอันเสร็จ ขนมหม้อแกงเผือก ของพวกเรา

ขอบคุณที่มา : www.hilunch.com

สูตรวุ้นกะทิ

ส่วนผสม

ส่วนผสมตัววุ้น
  1. วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
  4. น้ำใบเตย,น้ำกาแฟ หรือสีผสมอาหาร (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)

ส่วนผสมหน้าวุ้น

  1. วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำมะพร้าว 2 1/2 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
  4. หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
  5. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
  7. แม่พิมพ์สำหรับใส่วุ้น (ถ้วยหรือชามเล็กๆ ก็สามารถใช้แทนกันได้)

วิธีทำ

1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น)
2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง
3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง
4. ระหว่างรอตัววุ้นแข็ง เตรียมทำหน้าวุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย
5. จากนั้นจึงใส่แป้งข้าวโพด, หัวกะทิ (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือลงไปในส่วนผสมหน้าวุ้น คนอย่างต่อเนื่องจน ส่วนผสมละลายเข้ากัน
6. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำส่วนผสมของหน้าวุ้นไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็มอย่างปราณีต (พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน)
7. เมื่อหน้าวุ้นและตัววุ้นแข็งดีแล้วก็ให้เคาะออกจากแบบ จัดใส่จานและเสริฟได้ทันที

ขอบคุณที่มา : ezythaicooking.com

สูตรขนมกล้วยทอด

ส่วนผสม
  1. กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี
  2. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  3. แป้งสาลี 1/4 ถ้วย
  4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  5. ผงฟู 1 ช้อนชา
  6. งาขาวคั่ว (ปริมาณตามความชอบ)
  7. มะพร้าวขูดขาว 1/2 ถ้วย
  8. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
  9. หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
  10. น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย
  11. ใบเตย 3-5 ใบ
  12. น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1. นำกล้วยมาปอกเปลือกและหั่นตามยาวเป็นชิ้นบางๆ หนึ่งลูกควรหั่นให้ได้อย่างน้อย 3 ชิ้น
2. นำแป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, เกลือ, ผงฟู, น้ำตาลปี๊บ, งาขาว, มะพร้าวขูด, น้ำปูนใสและหัวกะทิ ผสมเข้าด้วยกันในชามขนาดใหญ๋ คนจนแป้งและน้ำตาลละลายดี ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ และนำไปตั้งบนไฟค่อนข้างแรง รอจนน้ำมันเดือด จึงใส่ใบเตยลงไปทอดก่อนให้น้ำมันหอม
4. นำกล้วยที่หั่นเตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งชุบแป้งแล้วนำไปลงทอดจนเหลืองสุกและกรอบ จึงตักออกมาสะเด็ดน้ำมัน
5. เรียงจัดใส่จาน และเสริฟเป็นของว่างทานเล่น

ขอบคุณที่มา : ezythaicooking.com

สูตรขนมครก

ส่วนผสม

ส่วนผสมทำตัวแป้ง
  1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
  2. ข้าวสุก 1/2 ถ้วยตวง
  3. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
  4. มะพร้าวขูด 1/2 ถ้วยตวง
  5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  6. มันหมูห่อผ้าขาว (เช็ดหลุมเตาก่อนหยอดตัวแป้ง, อาจใช้น้ำมันพืชแทนได้)
  7. ต้นหอมซอย, เมล็ดข้าวโพด, เผือก, ฟักทอง (สำหรับโรยหน้าขนมครก)

ส่วนผสมทำกะทิหยอดหน้า

  1. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
  3. เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ทำตัวแป้งก่อน โดยเอาข้าวสารซาวให้สะอาด ผสมกับข้าวสุก, แป้งข้าวเจ้า, มะพร้าว และเกลือ ใส่กาละมังพักไว้
2. ต้มน้ำให้เดือด แล้วเอามาผสมในกาละมังที่ใส่ส่วนผสมไว้ ใช้ไม้พายคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันทั่ว
3. ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปโม่ก็จะได้แป้งขนมครกตามต้องการ
4. ทำกะทิหยอดหน้าโดยผสมหัวกะทิ, น้ำตาลทรายและเกลือป่นเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วพักไว้
5. วิธีทำ นำกระทะหลุมที่เตรียมไว้ตั้งไฟจนร้อนได้ที่ จึงเช็ดหลุมด้วยน้ำมันจากนั้นจึงหยอดแป้งลงไป (อย่าหยอดจนเต็ม เพราะต้องหยอดหน้ากะทิภายหลัง) ปิดฟาทิ้งไว้จวนสุกจึงเปิดฝาออกและหยอดด้วยหน้ากะทิที่เตรียมไว้ ถ้ามีต้นหอมหรืออย่างอื่นเพิ่มเติมก็โรยลงบนหน้ากะทิ ปิดฝารอสักพักจนสุกจึงแคะออก ควรทานขณะร้อนจะรสชาตดีกว่าทิ้งไว้จนเย็น

ขอบคุณที่มา : ezythaicooking.com

สูตรขนมเทียน

ส่วนผสม
  1. แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
  2. น้ำตาลโตนด 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำตัวแป้ง)
  3. น้ำตาลโตนด 1 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับทำไส้)
  4. ถั่วเขียวกะเทาะเปลือกนึ่ง 2 ถ้วยตวง
  5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  6. พริกไทย 1 ช้อนชา
  7. น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
  8. มะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง
  9. เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. เริ่มจากทำตัวแป้งก่อนโดย นำน้ำตาลโตนดไปเคี่ยวจนเหนียวแล้วจึงนำไปนวดกับแป้งข้าวเหนียวจนเข้ากันดี
2. เตรียมทำไส้หวาน โดยนำน้ำตาลโตนดเคี่ยวกับมะพร้าวจนแห้งจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ สำหรับไส้เค็ม ให้นำน้ำมันใส่กระทะไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นใส่ถั่วนึ่ง, พริกไทย, เกลือและน้ำตาลทราย ผัดจนหอมและส่วนผสมเข้ากันทั่วจึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น
3. ห่อขนมโดยตัดใบตองเป็นแผ่นๆ เช็ดให้สะอาดและทาด้วยน้ำมันนิดหน่อย ตักแป้งใส่แล้วห่อไส้เค็มหรือไส้หวานตามชอบ จากนั้นนำแป้งอีก ก้อนวางลงบนไส้ ห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม นำไปนึ่งประมาณ 30 นาทีจนสุกดี

ขอบคุณที่มา : ezythaicooking.com

สูตรขนมไข่นกนกกระทา

ส่วนผสม
  1. แป้งมัน 500 กรัม
  2. แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  3. มันเทศต้มจนสุก 800 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
  6. งาขา (สำหรับโรยหน้า ตามความชอบ)
  7. น้ำปูนใสเล็กน้อย
  8. น้ำมันพืชสำหรับทอด


วิธีทำ

1. นำแป้งมัน, แป้งสาลี, น้ำตาลทราย, และเกลือผสมเข้าด้วยกัน
2. นำส่วนผสมในขั้นตอนที่หนึ่งไปผสมกับมันเทศนึ่ง จากนั้นใส่น้ำปูนใสลงไปนิดหน่อย ขยำส่วนผสมจนเข้ากันดี จึงปั้นเป็นลูกกลมๆ
3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำมันร้อนจึงใส่แป้งที่ปั้นไว้แล้วลงไปทอด คอยกลับสม่ำเสมอ อย่าให้ไหม้
4.. เมื่อสุกเหลืองดี ตักออกมาสะเด็ดน้ำมัน ทิ้งไว้ให้เย็น (โรยหน้าด้วยงาขาว) จึงเสริฟรับประทานได้

ขอบคุณที่มา : ezythaicooking.com

สูตรขนมมะพร้าวแก้ว

ส่วนผสม
  1. มะพร้าวขูดเป็นเส้นๆ 3 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
  4. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  5. สีผสมอาหาร (แล้วแต่สีที่ชอบ)

วิธีทำ

1. ผสมน้ำเปล่าและน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งบนไฟอ่อนจนละลาย ใส่เกลือลงไป เคี่ยวต่อจนเหนียวเป็นยางมะตูม แล้วจึงเติมสีผสมอาหารลงไป (ถ้าต้องการหลายสี ให้แบ่งน้ำเชื่อมออกมาเป็นส่วนๆ ตามจำนวนสีที่ต้องการ)
2. เมื่อเตรียมน้ำเชื่อมเสร็จแล้ว ใส่มะพร้าวขูดลงไปเชื่อม คนให้ทั่วเพื่อให้น้ำตาลจับมะพร้าวให้ทั่วทั้งเส้น เชื่อมจนน้ำงวดลงจึงปิดไฟ
3. ตักมะพร้าวเชื่อมออกมาวางบนถาด ใช้ช้อนจัดแต่งรูปทรงให้เป็นลักษณะก้อนกลมขนาดพอๆกัน (ต้องทำให้เสร็จก่อนน้ำเชื่อมแห้ง) เมื่อทำเสร็จ ให้นำไปผึ่งแดดจนแห้ง
4. จัดใส่จานเสริฟหรือใส่ภาชนะมิดชิดเพื่อเก็บไว้รับประทานภายหลังได้

ขอบคุณที่มา : ezythaicooking.com

สูตรฟักทองเชื่อม

ส่วนผสม
  1. ฟักทอง 500 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 250 กรัม
  3. น้ำเปล่า 450 กรัม
  4. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำกะทิ 100 กรัม
  6. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  7. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำปูนใส

วิธีทำ

1. นำฟักทองไปทำความสะอาด และหั่นเป็นชิ้นๆ (จะปอกเปลือกหรือไม่ปอกก็ได้ แล้วแต่ความชอบ) เสร็จแล้วนำไปแช่น้ำปูนใสประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงนำขึ้นมาล้างน้ำและผึ่งให้แห้ง
2. ทำน้ำราดกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือลงในหม้อเล็ก ตั้งบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี ปิดไฟและพักไว้
3. ใส่น้ำเปล่า, น้ำตาลทรายและน้ำมะนาวลงในกระทะทองเหลือง (หรือใช้กระทะเทฟลอนแทนก็ได้) นำไปตั้งไฟร้อนปานกลางรอจนน้ำตาลละลาย จึงใส่ฟักทองลงไปเชื่อมจนสุก จะมีลักษณะเงา ฉ่ำใส จึงปิดไฟ
4. ตักฟักทองใส่ถ้วยและราดหน้าด้วยกะทิ เสริฟได้ทันที

ขอบคุณที่มา : ezythaicooking.com

สูตรข้าวเหนียวสังขยา

ส่วนผสม
  1. ไข่เป็ด 2 ฟอง
  2. กะทิ 100 กรัม
  3. น้ำตาลปึก 100 กรัม
  4. ใบเตย

วิธีทำ

1. นำไข่เป็ดผสมกับกะทิและน้ำตาล คนจนส่วนผสมเข้ากันดีและน้ำตาลละลาย หลังจากนั้น ใช้ใบเตยขยำให้ส่วนผสมขึ้นฟู เสร็จแล้วกรองด้วยผ้าขาวบางเอาสิ่งสกปรกออก
2. นำส่วนผสมเทใส่แบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 20 นาทีหรือจนสุกทั่ว ปิดไฟ นำออกมาทิ้งไว้ให้เย็น
3. เวลาเสริฟ ตักข้าวเหนียวมูนใส่จาน เติมหน้าสังขยาลงไปบนข้าวเหนียวมูนพร้อมเสริฟเป็นของว่างไ้ด้ทันที

สูตรข้าวเหนียวมูนปิ้ง

ส่วนผสม
  1. ข้าวเหนียวมูน 1/2 กิโลกรัม
  2. กล้วยน้ำว้าสุก 5–6 ผล
  3. ใบตอง หรือ ฟอยล์ สำหรับห่อ

วิธีทำ

  1. ปอกกล้วยจะใช้ทั้งใบหรือครึ่งใบก็ได้ ถ้าจะทำห่อเล็กๆ ก็ผ่าตามยาวหนึ่งในสี่ของผลกล้วย แล้วเอาข้าวเหนียวมูนพอก ห่อด้วยใบตอง จะห่อแบบกรวย หรือแบบพับตามยาวแบบขนมจากก็ได้ จากนั้นเอาไม้จิ้มฟันกลัด วางบนตะแกรง เอาไปปิ้งให้สุก
  2. ถ้ามีเตาอบจะใช้เตาอบ อบให้สุกก็ได้ หากหาใบตองไม่ได้ก็สามารถใช้ฟอยล์แทนได้เช่นกัน

สูตรขนมจ่ามงกุฎ

ส่วนผสม
  1. ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 6 ฟอง
  2. กะทิ 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  4. แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
  5. สีเหลืองและสีแดง (สำหรับผสมอาหาร)
  6. ทองคำเปลวอย่างดีตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ

วิธีทำ

  1. ผสมกะทิกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน ๆ ให้ส่วนผสมข้น ยกลงทิ้งไว้ให้อุ่น
  2. ใส่ไข่แดงลงในสวนผสมข้อที่ 1 ทีละฟอง คนให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน
  3. ค่อย ๆ ร่อนแป้งลงในส่วนผสมข้อที่ 2 คนไปทางเดียวกัน และคนให้เข้ากันดี นำไปตั้งไฟกวนให้สุกและแห้งไม่ติดมือ
  4. หยดสีแดงและสีเหลืองลงในส่วนผสม (ขณะที่ขนมยังไม่ได้ที่) ให้ขนมมีลักษณะเป็นสีทอง จึงจะถูกต้อง
  5. เมื่อขนมได้ที่แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
  6. ปั้นส่วนผสมที่ได้เป็นรูปกลม ใช้มีดกรีดเบา ๆ เป็น 6 พูอย่าให้ขาด ลักษณะจะคล้ายผลมะยม เตรียมไว้เท่ากับจำนวนแป้งที่ทำเป็นถ้วยไว้

สูตรวุ้นซาหริ่ม

ส่วนผสม
  1. วุ้นผง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วยตวง
  3. กะทิ 2 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  5. ซ่าหริ่ม 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ผสมวุ้นกับน้ำเปล่า คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ตั้งไฟปานกลางคนไปตลอดเวลาจนเดือดให้วุ้นละลาย

2. ใส่น้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลทรายละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง เคี่ยวต่อโดยใช้ไฟอ่อน

3. ใส่กะทิคนให้ส่วนผสมเข้ากัน จึงยกลง

4. ตักซ่าหริ่ม ใส่พิมพ์ เทวุ้นใส่จนเต็มพิมพ์ พักไว้ให้วุ้นแข็งตัว

5. น้ำวุ้นที่ทำเสร็จแล้วเข้าพักไว้ในตู้เย็น เพื่อรอเสิร์ฟ

6. เวลาเสิร์ฟ แคะวุ้นออกจากพิมพ์ จัดใส่จานและเสิร์ฟพร้อมผลไม้สดตามชอบ

ที่มาจาก : /food109.blogspot.com

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สูตรขนมเปียกปูน

ส่วนผสม
  1. แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
  2. แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลมะพร้าว 400 กรัม
  4. น้ำกาบมะพร้าวเผา 3/4 ถ้วยตวง
  5. น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง
  6. น้ำปูนใส 4 ถ้วยตวง
  7. เนื้อมะพร้าวฝอย 1 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

1. นำกาบมะพร้าวไปเผาไฟพอไหม้นิดหน่อยจึงนำไปจุ่มลงในน้ำสะอาด ทิ้งไว้ให้กาบมะพร้าวแห้ง จึงนำไปโขลกให้ละเอียด และร่อนจนได้ผงละเอียด แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำสะอาด 3/4 ถ้วยตวง
2. ผสมแป้งข้าวเจ้าและ แป้งเท้ายายม่อม กับน้ำกะทิ, น้ำปูนใส, น้ำกาบมะพร้าว (ที่ทำในขั้นตอนที่ 1)และ น้ำตาลมะพร้าว ผสมจนทุกอย่างละลายเข้ากันดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
3. เมื่อกรองเสร็จแล้ว เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) นำไปตั้งไฟกวนโดยใช้ไฟแรง กวนสักพักพอแป้งจับตัวกันเป็นก้อน จึงลดไฟลงและ กวนต่อจนส่วนผสมข้นและเหนียว จึงเทใส่ถาดเกลี่ยหน้าให้เรียบหรือเทใส่แบบพิมพ์ที่เตรียมไว้
4. ถ้าเทใส่ถาด รอจนส่วนผสมเย็นจึงตัดเป็นชิ้น โรยด้วยเนื้อมะพร้าวฝอย ตักเป็นชิ้นใส่จานเสริฟ หรือเสริฟทั้งถาดแล้วแต่ความเหมาะสม

สูตรข้าวเหนียวดำ

ส่วนผสม
  1. ข้าวเหนียวดำ 1/2 ถ้วยตวง
  2. เผือกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง
  3. น้ำเปล่า 3 1/2 ถ้วยตวง
  4. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  5. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. นำข้าวเหนียวดำไปล้างทำความสะอาด แล้วจึงใส่หม้อและใส่น้ำเปล่าลงไป ต้มทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที คนเป็นระยะๆ จนข้าวเหนียวสุก
2. ระหว่างรอข้าวเหนียวสุก นำเผือกมาปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วนำไปนึ่งจนสุก ทิ้งไว้ให้เย็น
3. เมื่อข้าวเหนียวสุก เติมหัวกะทิ (เหลือหัวกะทิไว้นิดหน่อยเพื่อราดหน้าตอนเสริฟ) น้ำตาลและเผือกนึ่ง ต้มต่อไปอีกประมาณ 5 นาที
4. ตักใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ และเสริฟเป็นของว่างได้ทันทีขณะยังร้อน หรือเสริฟขณะเย็นแล้วก็ได้

สูตรข้าวเหนียวมะม่วง

ส่วนผสม

  1. มะม่วงสุก 3 ลูก
  2. ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
  3. หัวกะทิ 450 กรัม
  4. เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
  5. น้ำตาลทราย 550 กรัม
  6. ใบเตย 3-5 ใบ
  7. ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ
  8. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำราด)
  9. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา (สำหรับทำน้ำราด)

วิธีทำ

1. นำข้าวเหนียวไปล้างและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ
2. นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ง แล้วจึงนำข้างเหนียววางลงบนผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปนึ่งจนข้าวเหนียวสุก
3. ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา) และหัวกะทิ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่ใบเตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ
4. ในชามขนาดกลาง ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งไว้จนสุกดีแล้วลงไป จากนั้นจึงใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว และทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที
5. ในระหว่างที่รอ เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดย ผสมหัวกะทิ (2 ถ้วยตวง) และเกลือป่น (1/4 ช้อนชา) ลงในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนเกลือละลายทั่ว จึงปิดไฟ
6. ปอกมะม่วงและจัดใส่จาน เวลาเสริฟ ตักข้าวเหนียวใส่จานจากนั้นโรยหน้าด้วยน้ำราดกะทิและถั่วทอง ควรเสริฟทันทีหลังจากปอกมะม่วงเสร็จใหม่ๆ

สูตรสาคูไส้หมู

ส่วนผสม

  1. สาคูเม็ดเล้ก ๒ ถ้วย
  2. น้ำมัน ๒ ช้อนโต๊ะ
  3. หมูบด ๑/๒ กิโล
  4. กระเทียมสับ ๒ ช้อนโต๊ะ
  5. หอมสับละเอียด ๑/๔ ถ้วย
  6. หัวไชโป๊สับ ๑/๔ ถ้วย
  7. เกลือ ๑ ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลทราย ๑/๒ ถ้วย
  9. พริกไทย ๑/๒ ช้อนชา
  10. ถั่วลิสงคั่วป่น ๑/๒ ถ้วย
  11. กระเทียมเจียวผักชี ผักกาดหอม พริกขี้หนูสด

วิธีทำ

  1. ล้างสาคูให้สะอาด เทน้ำทิ้งเกือบหมด ทิ้งไว้ ๓๐ นาที ราดด้วยน้ำร้อน ๑/๒ ถ้วย คนเร็ว ๆ ให้เข้ากัน นวดจนนิ่ม คลุมด้วยผ้าเปียก พักไว้
  2. เจียวกระเทียมและหัวหอมจนหอม ใส่หมูผัดจนแห้ง พอสุกใสไชโป๊สับผัดจนเข้ากัน เทใส่กระชอนโปร่ง เทน้ำใส่กระทะอีกที พอเดือดใส่น้ำตาล เกลือ เคี่ยวจนเหนียว เทหมูใส่ไปอีกที ผัดจนเข้ากัน ใส่ถั่ลิสงป่น คนจนเข้ากันและแห้ง
  3. ปั้นสาคูไส้หมู ดดยใช้มือชุบน้ำ แผ่สาคูลงบนฝ่ามือ แผ่จนบาง หยิบไส้ใส่ตรงกลาง ตะล่อมข้าง ๆ ให้มิดไส้ เรียงใส่รังถึงซึ่งรองด้วยใบตองทาน้ำมันหรือกระดาษตะกั่ว นึ่งประมาณ ๕ นาที บนไฟแรง ๆ พอสุกพรมด้วยกระเทียมเจียว เรียงใส่จานรับประทานกับผักกาดหอม ผักชีและพริกสด

สูตรขนมน้ำดอกไม้

ส่วนผสม

1. แป้งข้าวเจ้า 4 1/4 ถ้วยตวง
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
3. สีขนม
4. แป้งท้าว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ผสมน้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟทำน้ำเชื่อม พอเดือดกรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ให้เย็น
2. ผสมแป้งทั้งสองชนิดรวมกันนวดด้วยน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ค่อย ๆ นวดจนน้ำเชื่อมหมดใส่สีอ่อน ๆ ตามต้องการ
3. ตั้งลังถึงใส่น้ำประมาณ 3/4 ลังถึงให้เดือด เรียงถ้วยตะไลใส่ ตั้งไฟให้ร้อน 5 นาที ตักแป้งที่ผสมแล้วใส่ให้เต็มถ้วย นึ่ง15 นาที ขนมสุกพักให้เย็น แคะออกจากถ้วย

สูตรขนมฝอยทอง

ส่วนผสม

  1. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  2. ไข่ไก่ 5 ฟอง
  3. น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
  4. น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
  5. ไข่น้ำค้าง 2 ช้อนโต๊ะ(ไข่ขาวส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือกด้านป้าน)
  6. น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
  7. กรวยทองเหลืองหรือกรวยใบตอง (สำหรับโรยไข่ในกระทะ)
  8. ไม้แหลม (สำหรับตักและพับฝอยทองในกระทะ)

วิธีทำ

1. ต่อยไข่ไก่และไข่เป็ด เลือกเอาเฉพาะไข่แดง นำออกมากรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก
2. ผสมไข่แดง, ไข่น้ำค้างและน้ำมันพืชเข้าด้วยกัน คนจนผสมกันทั่ว
3. นำน้ำลอยดอกมะลิผสมกับน้ำตาลในกระทะทองเหลืองและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือด
4. นำส่วนผสมไข่แดงใส่ลงไปในกรวยและนำไปโรยในน้ำเชื่อมที่เดือด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีจนไข่สุกจึงใช้ไม้แหลม สอยขึ้นและพับให้เป็นแพตามต้องการ
5. จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างทางเล่นในวันสบายๆ

สูตรเม็ดขนุน

ส่วนผสม

  1. ถั่วเขียวเลาะเปลือก 450 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
  3. น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)
  4. น้ำกะทิ 400 กรัม
  5. น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)
  6. ไข่เป็ด 5 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่แดง)

วิธีทำ

1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
4. ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงเม็ดขนุน
5. ทำน้ำเชื่อมโดยผสมน้ำตาลและน้ำเปล่า นำไปเคี่ยวในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้) จนเหนียวข้นเป็นยางมะตูม จึงปิดไฟ
6. ตอกไข่และเลือกเอาเฉพาะไข่แดงมารวมกัน เขี่ยพอให้ไข่แดงแตก จากนั้นจึงนำเม็ดขนุนที่ปั้นเตรียมไว้ใส่ลงไปแช่ในไข่แดงทีละเม็ด แล้วจึงนำไปใส่ในน้ำเชื่อม พยายามอย่าให้ติดกัน พอใส่ลงไปมากแล้วจึงนำกระทะไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนสุกทั่งจึงตักออกมาพัก ทำซ้ำเช่นนี้จนเม็ดขนุนที่ปั้นไว้หมด
7. จัดเม็ดขนุนใส่จาน เสริฟทานเป็นของว่างในวันสบายๆ

สูตรสังขยาฟักทอง

ส่วนผสม

  1. ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม)
  2. ไข่่ 4 ฟอง
  3. หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง
  5. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา
  7. น้ำปูนใส

วิธีทำ

1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)
2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สูตรปั้นสิบ

ส่วนผสม

1.แป้งสาลี 1/2 ถ้วยตวง
2.แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
3.น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
4.ไข่ไก่ตีเข้ากัน 2 ถ้วยตวง
5.น้ำปูนใส 1/4 ช้อนโต๊ะ
6.เนื้อไก่สับละเอียด 1 ถ้วยตวง
7.รากผักชีหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
8.กระเทียมปอกเปลือกสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
9.พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
10.น้ำตาลปีบ 3 ช้อนโต๊ะ
11.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
12.หัวหอมใหญ่ปอกเปลือก 1/2 ถ้วยตวง
13.ถั่วลิสงคั่วป่น 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ร่อนแป้งสาลี กับแป้งข้าวจ้าวรวมกัน ใส่ไข่ไก่ น้ำมันพืชเคล้าให้เข้ากัน ค่อยๆกัน ใส่น้ำปูนใสนวดจนแป้งนุ่ม คลุมด้วยผ้าขาวบางไว้
2. โขลก รากผักชีกระเทียม พริกไทย ให้เข้ากัน ผัดกับน้ำมันหอม ใส่หัวหอมใหญ่ ใส่ไก่ผัดให้สุก ใส่น้ำตาลปีบน้ำปลา ผัดให้เหนียวใส่ถั่วลิสง คลุกให้เข้ากันตักขึ้น
3. ปั้นแป้งเป็นก้อนเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว คลึงให้กลมแล้วใส่ไส้(ข้อ 2)ลงตรงกลาง
4. พับครึ่งจับจีบริม แป้งเหมือนกระหรี่ปั๊ทำจนหมดแป้งคลุมด้วยผ้าขาวบาง
5. เทน้ำมันใส่กระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟอ่อน ทอดขนมจนสุกเหลืองตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน

สูตรขนมสาลี่

ส่วนผสม

  1. แป้งสาลี 11/2 ถ้วยตวง
  2. ไข่ไก่ 10 ฟอง
  3. น้ำตาลทราย 11/2 ถ้วยตวง
  4. น้ำมะนาว 2 ช้อนชา

วิธีทำ

1.ร่อนแป้งหลายๆ ครั้ง
2.ต่อยไข่รวมกันทั้งฟอง ใช้ไม้ตีไข่ให้ขึ้น
3.ผสมน้ำตาลลงทีละน้อย ตีต่อไปเรื่อยๆ ผสมน้ำมะนาวลงไป ตีจนไข่ฟูละเอียด
4.ผสมแป้งลงไป ค่อยๆ คนเบาๆ
5.นึ่งถาดที่จะใช้นึ่งขนมให้ร้อน เทขนมลงไปให้เต็ม วางในลังถึง นึ่งด้วยไฟแรง น้ำเดือดพล่าน
6.เวลาจะดูขนมให้ใช้ไม้จิ้มลง ถ้าขนมไม่ติดไม้ แสดงว่าขนมสุกแล้ว

สูตรขนมรังผึ้ง

ส่วนผสม

  1. แป้งข้าวเจ้า 4 ถ้วยตวง
  2. แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  3. ถั่วเหลืองต้มบดละเอียด 4 ถ้วยตวง
  4. ไข่ไก่ (ใช้เฉพาะไข่ขาว) 4 ฟอง
  5. หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง
  6. น้ำตาลปี๊บ 3/4 ถ้วยตวง
  7. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  8. เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำแป้งไปผสมกับ น้ำตาลทราย, เกลือ และถั่วต้มบด คนจนส่วนผสมเข้ากัน

2.นำไข่ขาวไปตีจนขึ้นฟู จากนั้นจึงนำไปเทผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่ง คนจนส่วนผสม ทั้งหมดเข้ากันทั่ว

3. ทาน้ำมันบางๆทั่วแบบพิมพ์ ตักส่วนผสมแป้งเทลงในแบบ พอท่วมให้รีบปิดฝาบนทันที กลับพิมพ์ไปมาทั้งสองด้านให้ถูกความร้อนจนสุกเหลืองทั่ว จึงเคาะออกจากแบบ

4. เสริฟทันทีขณะร้อนๆ หรือ เสริฟทานพร้อมกับไอศครีม (หรือทานกับแยมผลไม้ด้วยก็ได้)

สูตรกระท้อนลอยแก้ว

ส่วนผสม

1. กระท้อนห่อ 3 ผล
2. น้ำ 3 ถ้วยตวง 3. เกลือ
3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำลอยแก้วปรับปรุงใหม่
5. น้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
6. น้ำมะนาว 1/4 ถ้วยตวง
7. น้ำเย็นจัด 1 ถ้วยตวง
8. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
9. เหล้ารัม 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ปอกกระท้อนด้วยมีดทองหรือมีดเหล็กไร้สนิม
2. แล้วใช้มีด ฝานเนื้อออกเป็นแว่นเล็ก ๆ บาง ๆ ใส่ลงในชามน้ำเกลือ ฝานสลับกันไปมาจนรอบลูก และลึกไปจนถึงปุยที่หุ้มเมล็ด
3. ควรกดให้ชิ้นกระท้อนจมน้ำเกลือ เพื่อมิให้ดำ แช่ไว้ ประมาณ 30 นาที
4. เทกระท้อนที่แช่น้ำเกลือใส่กระชอนเพื่อให้สะเด็ดน้ำ
5. ใช้มือ ช่วยบีบเบา ๆ แล้วใส่ลงในหม้อน้ำเชื่อมคนให้กระจายตัว แช่ไว้อีก 30 นาที เป็นอย่างน้อย กระท้อนที่แช่น้ำเชื่อมไว้นี้สามารถเก็บในตู้เย็นได้หลายวัน เมื่อเสิร์ฟตักใส่ถ้วยแก้ว โรยหน้าด้วยน้ำแข็งทุบ

สูตรขนมถังแตก

ส่วนผสม

ส่วนผสมทำตัวแป้ง

  1. แป้งสาลี 500 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 1500 กรัม
  3. กะทิ 3 ถ้วยตวง
  4. น้ำ 6 ถ้วยตวง
  5. ยีสต์ 2 ช้อนชา
  6. น้ำตาลทราย 800 กรัม
  7. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
  8. เกลือป่น

ส่วนผสมไส้ขนม

  1. งาดำคั่วพอสุก 3 ช้อนโต๊ะ
  2. มะพร้าวแก่ขูดเป็นเส้นๆ 2 1/2 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย

วิธีทำ

1. ผสมแป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1 : 800 กรัม) และเกลือป่นเล็กน้อย จากนั้นใส่กะทิและน้ำ คนให้เข้ากัน
2. ผสมยีสต์กับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2 : 2 ช้อนชา)ในน้ำอุ่นเล็กน้อย คนให้เข้ากันดี จากนั้นจึงปิดฝาภาชนะที่ใช้ผสม นำไป ตากแดดประมาณ 8-10 นาที จึงนำไปผสมกับส่วนผสมแป้งในขั้นตอนที่หนึ่ง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง พอเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและมีฟองเป็นอันใช้ได้
3. ทาน้ำมันที่กระทะ ตั้งไฟจนร้อนจัดแล้วลดไฟลง ตักแป้ง (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) ใส่กระทะเหล็ก พอแป้งเริ่มสุก จึงโรยน้ำตาลทราย (ตามความหวานที่ชอบ), งา และมะพร้าวขูด แซะพับครึ่งแล้วตักขึ้นใส่จานเสริฟ

สูตรขนมทองม้วน

ส่วนผสม

  1. แป้งสาลี 850 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 600 กรัม
  3. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  4. มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
  5. แป้งหอมผสมอาหาร 1/2 ช้อนชา
  6. งาขาว

วิธีทำ

1. นำมะพร้าวไปคั้นให้ได้น้ำกะทิ จากนั้นจึงนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง เคี่ยวจนกะทิแตกมัน
2. ผสมแป้งสาลีกับน้ำตาลทราย แล้วจึงนำน้ำกะทิที่ได้จากขั้นตอนที่หนึ่งมาผสม คนจนแป้งละลายดี
3. ตอกไข่ใส่ลงไป ตีจนขึ้นฟอง จึงใส่แป้งหอมผสมอาหารและงาขาว คนจนผสมกันทั่ว พักทิ้งไว้
4. ทาน้ำมันบนกระทะแบน รอจนร้อนจึงหยอดแป้งที่เตรียมไว้ลงไป รอให้สุกจึงกลับหน้าให้เหลืองทั้งสองด้าน ขณะที่ขนมยังร้อน พับม้วนตามต้องการ จึงนำออกจากเตา
5. เสริฟรับประทานได้ทันที หรือเก็บในภาชนะมิดชิดเพื่อไว้รับประทานภายหลัง

สูตรขนมถ้วย

ส่วนผสม

ส่วนผสมทำตัวขนมถ้วย

  1. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
  2. แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
  3. หางกะทิ 1 ถ้วย
  4. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
  5. น้ำใบเตย 1/4 ถ้วย

ส่วนผสมทำหน้าขนม

  1. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  2. หัวกะทิ 1 ถ้วย
  3. เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. เตรียมทำตัวขนมโดย นำหางกะทิไปผสมกับแป้งข้าวเจ้า, แป้งเท้ายายม่อม, น้ำตาลปี๊บและน้ำใบเตย นวดจนเข้ากันดี นำไปกรองด้วยผ้าข้าวบางและพักไว้
2. เตรียมทำหน้าขนมโดยนำหัวกะทิผสมกับแป้งข้าวเจ้าและเกลือ คนจนละลายดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง และทิ้งไว้
3. ตั้งหม้อนึ่งรอจนน้ำเดือดจึงเรียงถ้วยตะไลลงไป นึ่งจนถ้วยตะไลร้อน จึงเริ่มหยอดตัวขนม (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1) ลงไปประมาณ 3/4 ถ้วยตะไล จากนั้นจึงปิดฝาหม้อและนึ่งทิ้งไว้ประมาณ 3 - 5 นาที จากนั้นจึงหยอดหน้าขนม (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) ลงไปในถ้วยตะไล จนเต็มและนึ่งต่อไปอีกประมาณ 5 นาที
4. รอจนเย็นแล้วจึงนำไปเสริฟ เวลาเสริฟสามารถเสริฟทั้งถ้วยตะไล หรือใช้ไม้พายแคะออกจากถ้วยแล้วจัดเรียงใส่จาน

สูตรขนมทองหยอด

ส่วนผสม

  1. ไข่เป็ด 18 ฟอง
  2. แป้งทองหยอด 1 ถ้วยตวง (หรือแป้งข้าวเจ้า)
  3. น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
  4. น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ผสมน้ำลอยดอกไม้กับน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง แล้วนำไปตั้งไฟแรงให้เดือด เคี่ยวทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึงแบ่งน้ำเชื่อมส่วนหนึ่งออกมาสำหรับแช่ทองหยอดที่สุกแล้ว
2. ต่อยไข่ แยกไข่ขาวออก ใช้เฉพาะไข่แดง โดยนำไข่แดงไปกรองในผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก จากนั้นจึงตีไข่แดงให้ขึ้นฟู จากนั้นค่อยๆผสม แป้งทองหยอดลงไปและคนให้แป้งและไข่แดงเข้ากัน
3. นำไข่แดงที่ผสมแป้งเรียบร้อยไปหยอดในน้ำเชื่อม สำหรับวิธีหยอดนั้นให้ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง หยิบส่วนผสมมาเป็นลูกขนาดพอประมาณ แล้วจึงสบัดลงไปในน้ำเชื่อม ทำเช่นนี้จนเต็มกระทะทองเหลือง จากนั้นรอจนทองหยอดสุกจึงตักออกมาพักใส่ในน้ำเชื่อมที่แยกไว้ก่อนหน้านี้ (ทองหยอดที่สุกจะลอยขึ้น)
4. จัดทองหยอดใส่จานเสริฟเป็นของว่างหรือของทานเล่นในวันพักผ่อนสบายๆ

สูตรขนมกล้วย

ส่วนผสม

  1. กล้วยน้ำว้า 8 - 10 ลูก (ปอกเปลือกและบดให้เละแป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง)
  2. แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาล 1 1/4 ถ้วยตวง
  4. เกลือป่น 1/2 ช้่อนชา
  5. หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
  6. เนื้อมะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง

วิธีทำทีละขั้นตอน

1. นำกล้วย, แป้งข้าวเจ้า, แป้งมัน, น้ำตาล, เกลือ, หัวกะทิ และ เนื้อมะพร้าวขูด (ประมาณ 3/4 ส่วนของทั้งหมด) ผสมกัน จากนั้นนวดด้วยมือจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
2. ตักส่วนผสมในข้อหนึ่งลงในถ้วยหรือแบบที่ต้องการ หรือจะใช้ใบตองห่อก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก เสร็จแล้วนำเนื้อมะพร้าวขูดที่เหลือโรยหน้า
3. นำไปนึ่งประมาณ 30 นาที หรืออาจนำไปอบโดยใช้ความร้อนประมาณ 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) เป็นเวลา 30 นาทีเช่นกัน
4. เมื่อขนมกล้วยสุกแล้ว ให้นำออกจากแบบ สามารถเสริฟได้ทั้งขณะร้อนหรือเย็นแล้ว

สูตรขนมตะโก้

ส่วนผสม

สำหรับทำตัวตะโก้

  1. แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วยตวง
  2. น้ำกลิ่นมะลิ 3 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  4. น้ำใบเตยคั้น 1/2 ถ้วยตวง
  5. แห้วต้มหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง
  6. กระทงหรือแบบสำหรับใส่ขนม

สำหรับทำหน้าตะโก้

  1. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
  2. กะทิ 2 ถ้วยตวง
  3. เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. เตรียมทำตัวตะโก้ โดยผสมแป้งถั่วเขียว, น้ำตาลทราย, น้ำใบเตยและ น้ำกลิ่นมะลิ เข้าด้วยกันในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนสุกและข้น
2. จากนั้นใส่แห้วจีนต้มที่หั่นเตรียมไว้ลงไปในหม้อ กวนต่ออีกสักครู่จึงปิดไฟ ตักตัวตะโก้หยอดในกระทงหรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งนึงของแบบ
3. เตรียมทำหน้าตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้า, กะทิ และเกลือป่น เข้าด้วยกันในหม้อขนาดเล็ก จากนั้นนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนข้นพอดี จึงปิดไฟ
4. หยอดหน้าตะโก้ลงบนกระทงหรือแบบให้เต็ม ทิ้งไว้ให้เย็น จัดใส่จานเสริฟเป็นของว่างได้ทันที

สูตรขนมหม้อแกง

เครื่องปรุง + ส่วนผสม

  1. ถั่วเขียว 250 กรัม (เผือก, เม็ดบัว, อื่นๆ)
  2. น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
  3. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม
  5. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  6. ไข่เป็ด 3 ฟอง
  7. หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก
  8. ใบเตย 3 ใบ

วิธีทำ

1. นำหอมแดงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองและกรอบ (ระวังไหม้ ควรเจียวด้วยไฟอ่อนๆ )
2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ในน้ำและนำไปนึ่งจนสุก หรือถ้าใช้เผือกก็ปอกเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำเผือกไปยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ
3. ในชามขนาดกลาง, ผสมไข่ น้ำตาลปี๊บและเกลือ แล้วขยำโดยใช้ใบเตยให้เข้ากันดี น้ำตาลละลายหมด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิลงไป ขยำต่ออีกจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก
4. เอาถั่วหรือเผือกใส่ลงไปในส่วนผสมที่กรองแล้ว และใส่น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมแดง (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
5. นำส่วนผสมที่ได้ไปกวนด้วยไฟร้อนปานกลางในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) กวนจนส่วนผสมเริ่มข้นก็พอ ถ้ากวนมากเมื่อนำไปอบจะ ไม่น่าทานเพราะจะแตกมัน ที่เรานำมากวนก็เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสมแยกชั้นเมื่อนำไปอบเนื่องจากไข่กับกะทิ ไม่เข้ากันดี
6. นำส่วนผสมที่กวนแล้วไปอบ โดยใส่ถาดหรือแบบที่ต้องการ ใช้ความร้อน 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) อบประมาณ 30 - 40 นาที จากนั้นจึงนำหอมเจียวไปโรยหน้าและอบต่ออีกประมาณ 5 นาที
7. ถ้าอบโดยใส่ถาดไว้ เวลาเสริฟก็ตัดแบ่งเป็นชิ้นขนาดตามความเหมาะสม ถ้าอบโดยใส่แบบอื่นๆไว้ ถ้าขนาดแบบไม่ใหญ่มาก อาจเสริฟได้พร้อมแบบทันที

สูตรบัวลอย

เครื่องปรุง + ส่วนผสม

ส่วนผสมบัวลอย
  1. แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง
  2. เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง (กรณีต้องการบัวลอยหลายสีสามารถเลือกใช้ฟักทอง เพื่อทำบัวลอยสีเหลือง, ใบเตย เพื่อทำบัวลอยสีเขียว, อื่นๆ)
  3. น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง


ส่วนผสมน้ำกะทิ

  1. กะทิ 2 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  5. เนื้อมะพร้าวอ่อน, ไข่ (จะมีหรือไม่มีก็ได้)
  6. งาขาว (สำหรับแต่งหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน


1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวเหนียว, เผือกนึ่งและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว เป็นต้น)
2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น)
3. ทำน้ำกะทิโดยผสม กะทิ, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ ถ้ามีมะพร้าวอ่อนก็ใส่ได้เลย พร้อมลูกบัวลอย (กรณีต้องการทำบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใส่ไปในหม้อหลังจากที่ใส่บัวลอยลงไป รอจนไข่สุกจึงปิดไฟ)
4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว เสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้

สูตรลอดช่องกะทิ

ส่วนผสมตัวลอดช่อง

  1. แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
  2. แป้งเท้ายายม่อม 30 กรัม
  3. แป้งซ่าหริ่ม 20 กรัม
  4. น้ำปูนใส 450 กรัม
  5. น้ำใบเตย 250 กรัม
  6. น้ำแข็ง

ส่วนผสมน้ำกะทิ

  1. น้ำกะทิ 250 กรัม
  2. น้ำตาลปึก 150 กรัม
  3. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  4. เทียนอบ
  5. เพิ่มเติม
  6. เผือกนึ่ง, ข้าวเหนียวดำ, ขนุน อื่นๆ

วิธีทำ

1. ทำตัวลอดช่องโดยผสมแป้งข้าวเจ้า, แป้งเท้ายายม่อม, แป้งซ่าหริ่ม เข้าด้วยกัน หลังจากนั้นค่อยๆใส่น้ำ ปูนใสทีละน้อย ขณะเดียวกันก็นวดแป้งให้เข้ากันจนเนียนและเหนียว และค่อยๆใส่น้ำปูนใสจนหมด แล้วจึงใส่น้ำ ใบเตย แล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนแป้งเนียวและข้นจึงลดไฟลง กวนต่อจนแป้งสุก (แป้งจะมี ลักษณะข้นเหนียว)จึงปิดไฟ

2. เตรียมน้ำเย็นโดย นำน้ำแข็งไปละลายในน้ำจนน้ำเย็นจัด จากนั้นนำส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอน ที่หนึ่งไปใส่ลงในพิมพ์ลอดช่อง ค่อยๆกดให้เป็นเส้นหย่อนลงไปในน้ำเย็นที่เตรียมไว้

3. ทำน้ำกะทิโดยนำน้ำตาลปึกผสมกับน้ำกะทิและเกลือป่น นำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆ คนจนน้ำตาลละลายดี จึงปิดไฟ และนำไปอบควันเทียนให้หอม

4. ตักเส้นลอดช่องใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ และน้ำแข็งทุบ สามารถใส่เครื่องเพิ่มเติมได้ตามต้องการ (เผือกนึ่ง, ข้าวเหนียวดำ, อื่น) เสริฟได้ทันที

สูตรทับทิมกรอบ

ส่วนผสม

  1. แห้วต้มหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือมันแกว 1 ถ้วย
  2. แป้งมัน 1/2 ถ้วย
  3. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  4. น้ำทำน้ำเชื่อม 3/4 ถ้วย
  5. มะพร้าวขาว 250 กรัม
  6. น้ำแข็ง
  7. สีขนมสีแดง หรือสีอื่นๆตามชอบ

วิธีทำ


1. ละลายสีแดงกับน้ำเล็กน้อย แช่แห้วพอติดสี ตักขึ้นคลุกแป้งให้ติดมากๆ ใส่กระชอนร่อนให้แป้งร่วน
2. ต้มน้ำ 5 ถ้วยให้เดือด ลวกเม็ดทับทิม พอลอย 3 นาที ตักขึ้นใส่น้ำเย็น ตักใส่ผ้าขาวบางไว้
3. คั้นมะพร้าวใส่น้ำ 1/4 ถ้วย คั้นให้ได้ 3/4 ถ้วย
4. ผสมน้ำเชื่อมกับกะทิ เวลารับประทานให้ตักเม็ดทับทิมใส่ถ้วย ใส่น้ำแข็ง

สูตรเต้าส่วน

ส่วนผสม

  1. ถั่วเขียว 2 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  3. มะพร้าวขูด 1/2 ถ้วยตวง
  4. น้ำ 6 ถ้วยตวง
  5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  6. แป้งมัน 7 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.ล้างถั่วเขียวซีกให้สะอาด แช่น้ำค้างคืน ล้างเปลือกออกให้หมด จึงนำไปนึ่งให้สุก
2.ต้มน้ำให้เดือด ใส่น้ำตาลทราย คนจนน้ำตาลละลาย
3.ละลายแป้งมันกับน้ำเล็กน้อย ใส่ในหม้อน้ำตาล คนให้แป้งมันสุก
4.ใส่ถั่วเขียวที่นึ่งแล้ว คนให้เข้ากัน ยกลง
5.คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง ใส่เกลือยกขึ้นตั้งไฟ คนพอเดือด ยกลง (เวลาจะรับประทานตักใส่ถ้วย หยอดด้วยกะทิ)

สูตรซ่าหริ่ม

ส่วนผสมเส้น

1. แป้งซ่าหริ่ม 1 ถ้วย
2. น้ำใบเตยคั้นข้น ๆ 1/2 ถ้วย
3. น้ำ 5 ถ้วย
4. พิมพ์สำหรับกด

ส่วนผสมกะทิ

1. หัวกะทิ 2 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย 2 ถ้วย

วิธีทำ
1. (วิธีทำเส้นซ่าหริ่ม) ผสมแป้งซ่าหริ่ม น้ำ น้ำใบเตย เข้าด้วย กัน กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่กระทะทอง ตั้งไฟกลาง กวน จนแป้งสุก รีบตักใส่พิมพ์ กดเป็นเส้นลงในน้ำเย็นจนหมด เทใส่ผ้าขาวบาง ทำให้สะเด็ดน้ำ ใส่น้ำแข็งพักไว้
2. (วิธีทำน้ำกะทิ) ผสมน้ำตาลทราย หัวกะทิ คนจนน้ำตาล ละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง นำไปอบควันเทียนให้หอม
3.ตักซ่าหริ่มใส่ถ้วย ใส่น้ำกะทิ น้ำแข็ง เสิร์ฟทันที

สูตรขนมถ้วยฟู

ส่วนผสม
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำลอยดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง
  • ยีสต์ 1 ช้อนชา
  • ผงฟู 1 ช้อนชา

วิธีทำ


1.ใส่ยีสต์ลงไปในแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่น้ำลอดอกไม้ทีละน้อน นวดจนแป้งนิ่มเนียน
2.ใส่น้ำตาลและน้ำทั้งหมดลงในแป้ง ใส่ผงฟู นวดต่อไป ปิฝาครอบไว้ 1-2 ชั่วโมง
3.เรียงถ้วยตะไลลงในรังถึงนึ่งในน้ำเดือดจนถ้วยร้อนประมาณ 5 นาที
4.ตักขนมที่ผสมไว้ลงในถ้วยตะไลพอเต็มปิดฝานึ่งให้สุกประมาณ 10-15 นาที ยกลงพักไว้ให้เย็น แล้วจึงแกะออกจากถ้วย

สูตรขนมชั้น

ส่วนผสม

  • แป้งท้าวยายม่อม 1/1 ถ้วยตวง
  • แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง
  • แป้งมัน 1/2 ถ้วยตวง
  • หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  • น้ำลอยดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำใบเตย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ


1.ร่อนแป้งทั้งสามชนิด เข้าด้วยกัน
2.นวดแป้งกับหัวกะทิทีละน้อย นวดจนแป้งนุ่มเหนียว พักไว้
3.ผสมน้ำลอยดอกไม้ น้ำตาลทรายเข้าด้วยกันตั้งไฟให้เดือดยกลงพักไว้
4.แบ่งส่วนผสมของแป้งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งใส่น้ำใบเตยนวดให้เข้ากัน อีกส่วนหนึ่งไม่ต้องใส่ให้เป็นแป้งสีขาว
5.นึ่งพิมพ์ขนมให้ร้อน ตักขนมหยอดทีละชั้น นึ่งให้สุกแล้วจึงหยอดชั้นต่อไปหยอดสลับสีกันจนหมด
6.เมื่อนึ่งขนมชั้นบนสุดสุกดีแล้ว ยกลงปล่อยไว้ให้เย็น แล้วตัดตามต้องการ

สูตรขนมตาล

ส่วนผสม

  • ลูกตาลสุก 1 ผล
  • ข้าวสารเก่า 2 ถ้วยตวง
  • แป้งท้าวยายม่อม 1/4 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  • หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
  • มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 2 ถ้วยตวง
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ


1.ลอกเปลือกลูกตาลออกให้หมด ขูดเอาเนื้อสีเหลืองออก ตัวลูกตาลแช่น้ำไว้จนเนื้อลูกตาลละลายออกหมด ใช้ผ้าห่อเนื้อลูกตาล และน้ำที่ละลายผูกมัดปากรวมไว้ให้แน่นแขวนหรือทับไว้ให้แห้ง
2.โม่ข้าวสารที่แช่น้ำไว้ให้ละเอียด แล้วทับให้แห้ง
3.ผสมข้าวสารที่โม่และทับจนแห้งแล้ว รวมกับแป้งท้าวยายม่อม และลูกตาลที่ทับจนแห้งแล้วนวดส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกันจนแป้งที่ผสมเนียนและนุ่มมือ(ประมาณ 30-60 นาที)ใส่น้ำตาลสลับกับหัวกะทิ นวดจนหัวกะทิและน้ำตาล ละลายหมด พักไว้ประมาณ 5-10 ชั่วโมง
4.ตักแป้งที่ผสมแล้วใส่กระทงหรือถ้วยตะไล โรยมะพร้าว แล้วนึ่งให้สุกยกลงถ้าใส่ถ้วยตะไลรอให้เย็นก่อนแล้วจึงนำออกจากถ้วยจัดใส่ภาชนะ

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สูตรลูกชุบ

ส่วนผสม
  • ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1 1/3 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  • หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
  • วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1.แช่ถั่วเขียวประมาณ 1-2 ชั่วโมง นึ่งให้สุกนุ่ม แล้วบดให้ละเอียด
2.หัวกะทิตั้งไฟอ่อนๆ ใส่นำตาลทรายลงเคี่ยวให้นำตาลละลายหมด ใส่ถั่วลงกวนกับกะทิตั้งไฟอ่อนๆ กวนให้แห้งจนถั่วล่อนออกจากกระทะ
3.เทถั่วที่กวนได้ที่แล้วลงในถาดหรือชามพักไว้ให้เย็น
4.ปั้นถั่วเป็นรูปผลไม้เล็กๆ ตามต้องการ แล้วระบายสีผลไม้ที่ปั้นไว้ให้เหมือนจริงพักไว้ให้สีแห้ง
5.ผสมผงวุ้นกับน้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ จนวุ้นละลายหมดยกลง วางพักไว้สักครู่
6.นำผลไม้ที่ระบายสีไว้ ชุบวุ้นให้ทั่ว พักไว้ให้แห้งแล้วชุบอีก 2 ครั้ง ปล่อยให้แห้งจึงนำไปตกแต่งให้สวยงาม

สูตรสังขยาใบเตย

เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* ใบเตยซอยละเอียด 150 กรัม
* ไข่ 1 ฟอง
* นมข้นจึด 2 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
* น้ำตาล 200 กรัม
* แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
* ขนมปังหรือปาท่องโก๋ (สำหรับทานกับสังขยา)

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำใบเตยและน้ำเปล่าใส่ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้า และปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
2. ใส่นมข้นจึด, น้ำตาล, แป้งข้าวโพด, ไข่ และน้ำใบเตย (ที่ทำในขั้นตอนที่หนึ่ง) ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้าและปั่นจน ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. นำส่วนผสมที่ได้ ไปใส่ลงในกระทะและตั้งบนไฟอ่อนๆ และคนอย่างต่อเนื่องประมาณ 20 นาที จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น
4. ตักสังขยาใส่ถ้วยแล้วโรยหน้าด้วยนมข้นจืดนิดหน่อย และจัดเสริฟพร้อมกับขนมปัง หรือปาท๋องโก๋แล้วแต่ชอบ

สูตรกล้วยบวชชี

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย
3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว
4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที